โลจิสติกส์สีเขียว ของไฮเปอร์มาร์เก็ต

เมื่อโลจิสติกส์สีเขียว ถูกจัดเป็นส่วนหนึ่งของการจัดการโซ่อุปทานสีเขียว (Green Supply Chain Management) สำหรับธุรกิจค้าปลีกสมัยใหม่แล้ว !

โลจิสติกส์สีเขียว หรือ Green Logistics คือการจัดการกระบวนการทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับการเคลื่อนย้ายสินค้า/วัตถุดิบ และข้อมูลข่าวสาร ตั้งแต่ต้นน้ำไปจนถึงปลายน้ำของโซ่อุปทาน ทั้งไปข้างหน้าและย้อนกลับ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อการลดผลกระทบเชิงลบต่อระบบนิเวศน์ที่เกิดจากการดำเนินกิจกรรมโลจิสติกส์ทั้งหมด ได้แก่ การขนส่ง การบริหารสินค้าคงคลัง การเลือกที่ตั้งและการจัดการคลังสินค้า การจัดซื้อและจัดหาสินค้า การพยากรณ์อุปสงค์ การขนถ่ายวัสดุและการบรรจุภัณฑ์ การสื่อสารด้านโลจิสติกส์และการดำเนินการด้านคำสั่งซิ้อ การบริการลูกค้า และโลจิสติกส์ย้อนกลับ

โลจิสติกส์สีเขียว ถูกจัดเป็นส่วนหนึ่งของการจัดการโซ่อุปทานสีเขียว (Green Supply Chain Management) ซึ่งสำหรับธุรกิจค้าปลีกสมัยใหม่แล้ว โซ่อุปทานจะประกอบด้วย ซัพพลายเออร์ ศูนย์กระจายสินค้า ร้านค้าปลีก และลูกค้า ทั้งนี้ การกระจายสินค้าของธุรกิจค้าปลีกสมัยใหม่ โดยเฉพาะไฮเปอร์มาร์เก็ต ที่มีร้านสาขาจำนวนมาก ต้องอาศัยการใช้ศูนย์กระจายสินค้า (Distribution Center) ในการเป็นตัวกลางเชื่อมโยงสินค้าจากซัพพลายเออร์ไปยังร้านสาขา โดยมักมีการทำ Cross-docking ภายในศูนย์กระจายสินค้า เพื่อลดการจัดเก็บสินค้า ตลอดจนสนับสนุนให้การขนส่งสินค้าเกิดความรวดเร็วและมีต้นทุนต่ำ เนื่องจากในธุรกิจไฮเปอร์มาร์เก็ตนั้น การขนส่งถือเป็นกิจกรรมโลจิสติกส์ที่ส่งผลโดยตรงต่อขีดความสามารถในการแข่งขันทางธุรกิจ รวมทั้งยังเป็นกิจกรรมที่สร้างผลเสียต่อสิ่งแวดล้อมโดยการปล่อยก๊าซเรือนกระจกมากที่สุด

ดังนั้นธุรกิจค้าไฮเปอร์มาร์เก็ตจึงต้องแสวงหาแนวทางในการลดผลกระทบเชิงลบต่อสิ่งแวดล้อมจากการดำเนินกิจกรรมโลจิสติกส์ทั้งฝั่งขาเข้า (Inbound Logistics) ที่เกี่ยวข้องกับ การจัดหาสินค้าจากซัพพลายเออร์ การขนส่งสินค้าเข้าสู่ศูนย์กระจายสินค้า และโลจิสติกส์ฝั่งขาออก (Outbound Logistics) ที่เกี่ยวข้องกับ การจัดการคำสั่งซื้อ การทำ Cross-docking ไปจนถึงการขนส่งสินค้าจากศูนย์กระจายสินค้าไปยังร้านสาขา

หากพิจารณากระบวนการโลจิสติกส์ทั้งหมด การจัดหาสินค้า (Procurement) ถือเป็นกิจกรรมแรกๆ ที่ไฮเปอร์มาร์เก็ตต้องเข้าไปเกี่ยวข้องในโลจิสติกส์ฝั่งขาเข้า เมื่อผนวกเข้ากับแนวคิดด้านสิ่งแวดล้อม การจัดหาสีเขียว หรือ Green Procurement จึงเป็นแนวปฏิบัติสำหรับการคัดเลือกซัพพลายเออร์และการจัดซื้อสินค้า ที่พิจารณาจาก ความสามารถในการออกแบบเชิงนิเวศ ความสามารถในการพัฒนาสินค้าที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ผลการดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อม และความสามารถของซัพพลายเออร์ในการสนับสนุนวัตถุประสงค์ด้านสิ่งแวดล้อมของผู้ซื้อ นอกจากนี้ ยังรวมถึงหลักการ 3Rs: การใช้ซ้ำ (Reuse) การรีไซเคิล (Recycle) และการลด (Reduce) ในกระบวนการจัดซื้อ อาทิ การสั่งซื้อสินค้าผ่านระบบออนไลน์เพื่อลดการใช้กระดาษ (Paperless) ตลอดจนการตรวจสอบการปฏิบัติตามข้อกำหนดด้านสิ่งแวดล้อมและการหาแนวทางการแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่องของซัพพลายเออร์

ตัวอย่างการจัดหาสีเขียวของไฮเปอร์มาร์เก็ต ได้แก่ การทำงานอย่างใกล้ชิดของ Walmart กับซัพพลายเออร์ เพื่อลดการใช้ทรัพยากรอย่างสิ้นเปลือง เช่น การจัดหาอาหารทะเลที่ได้การรับรองจาก Marine Stewardship Council ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ป้องกันการสูญพันธ์ของสัตว์ทะเลจากการถูกจับจากแหล่งน้ำธรรมชาติ หรือในกรณีเทสโก้ โลตัส ของไทย ที่รับซื้อผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรจากเกษตรกร โดยไม่ผ่านพ่อค้าคนกลาง ตลอดจนการร่วมวางแผนรับซื้อผลิตผลทางการเกษตรล่วงหน้ากับเกษตรกร ซึ่งนอกจากจะทำให้เกษตรกรมีรายได้ที่เป็นธรรมและมั่นคง ยังทำให้เกษตรสามารถวางแผนการผลิตได้เพียงพอต่อความต้องการของตลาด ซึ่งช่วยลดปัญหาผลผลิตล้นตลาดและเสียหายจากคุณภาพสินค้าจนเกิดเป็นของเสียสู่สิ่งแวดล้อม การจัดหาสินค้าจากเกษตรกรโดยตรงยังเป็นการลดความยาวของโซ่อุปทาน ส่งผลให้สามารถลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ จากการลดจำนวนเที่ยวการขนส่งและการเคลื่อนย้ายสินค้าระหว่างสมาชิกในโซ่อุปทานโดยไม่จำเป็น

รูปภาพที่เกี่ยวข้อง

ติชม


ต้องการให้คะแนนบทความนี้่ ?

สร้างโดย :


Logistics

สถานะ : ผู้ใช้ทั่วไป
การจัดการโลจิสติกส์