ทีวีดิจิตอลคืออะไร
ย้อนไปเมื่อสมัยก่อนที่ระบบทีวีในบ้านเรานั้นใช้กันอยู่ปัจจุบัน ที่เราดูกันตามปกติ นั้นคือ “ฟรีทีวี” ซึ่งมีทั้งหมด 6 ช่อง ด้วยกัน โดยระบบฟรีทีวีนี้ รับสัญญาณผ่านจากอากาศ จากเสาต้นสัญญาณโทรทัศน์ โดยทีวีบ้านของประชาชนจะรับด้วยเสาก้างหรือ หนวดกุ้ง วิธีการส่งสัญญาณแบบนี้ เรียกว่า การส่งสัญญาณภาคพื้น กล่าวคือ ตัวสัญญาณนั้นไม่สามารถผ่านภูเขาไปได้ เพราะไม่ได้รับสัญญาณจากดาวเทียมนั่นเอง

และด้วยระบบทีวีแบบนี้เองที่ใช้การเข้ารหัสสัญญาณแบบแอนะล็อก ซึ่งมีข้อเสียคือใช้ช่องคลื่นสัญญาณกว้างมาก ทำให้จำนวนช่องทีวีนั้นมีจำกัด อีกทั้งยังหากคลื่นสัญญาณนั้นอาจโดนรบกวน ทำให้ภาพไม่ชัดในบ้างพื้นที่อีกด้วย

การส่งสัญญาณของทีวีมีอะไรบ้าง
เมื่อเทคโนโลยีด้านโทรทัศน์พัฒนามากขึ้น จึงเกิดการส่งสัญญารรูปแบบใหม่ขึ้นมาโดยแบ่งออกเป็น 3 กลุ่มใหญ่ๆ ได้แก่

1. ทีวีผ่านดาวเทียม ซึ่งข้อดีคือ สามารถดูได้หลายช่องมากขึ้น ครอบคลุมทั่วประเทศไทยและประเทศเพื่อนบ้าน แต่ต้องแลกมากับค่าใช้จ่ายในการติดตั้งอุปกรณ์ เช่น จานดาวเทียม, กล่องรับสัญญาณ ซึ่งมีค่าใช้จ่ายตั้งแต่หลักพันบาทขึ้นไป ตามคุณภาพของอุปกรณ์

2. เคเบิลทีวี เป็นการส่งสัญญาณตามสายเคเบิลที่พาดบนเสาไฟฟ้า ข้อดีคือ รับจำนวนช่องสัญญาณได้มาก และไม่เจอปัญหาสัญญาณขาดในกรณีฝนตก แบบทีวีผ่านดาวเทียม แต่มีปัญหาคือพื้นที่ให้บริการอาจจำกัดและ อาจต้องใช้กล่องรับสัญญาณแบบดาวเทียมร่วมด้วยในบางกรณี

3. ทีวีดิจิตอล ที่เป็นการส่งสัญญาณรูปแบบภาคพื้นแบบเดิม แต่ใช้การเปลี่ยนรหัสจากแอนะล็อคมาเป็นดิจิตอล ซึ่งเพิ่มประสิทธิภาพมากขึ้น มีช่องทีวีมากขึ้น โดย 1 ช่องแอนะล็อก สามารถส่งสัญญาณดิจิตอลได้ถึง 40-50 ช่องเลยทีเดียว อีกทั้งปัญหาคลื่นรบกวนสัญญาณน้อยลง ส่งผลให้ภาพคมชัดมากขึ้นนั้นเอง